วันอาทิตย์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

เเนะนำตัวเอง

เเนะนำตัวเอง

เด็กหญิง กานต์ธิดา  ได้รูป  
มัธยมศึกษาปีที่ 2/5  
เลขที่ 13
ได้ทำเว็บไซต์เรื่อง อาหารในประเทศสวิสเซอร์เเลนด์ซึ่งบางคนก็อาจจะไม่เคยรู้มาก่อนว่าอาหารที่อยู่ในประเทศไทยบางอย่างก็มีต้นตำรับมาจากประเทศไหน ดังนั้นเรามาทำความรู้จักอาหารเเต่ละประเภทว่ามีส่วนผสมของอะไรบ้างเเละถ้าหากเราสนใจที่จะทำเองจะต้องทำอย่างไรเราก็มีบอกไว้เเต่อาหารบางประเภทก็มีข้อจำกัดเเตกต่างกัน บางอันต้องต้มด้วยอุณหภูมิเท่านี้ถึงจะออกมาเเล้วอร่อยซึ่งเราอาจมองว่ามันไม่สำคัญก็ตาม เเละถ้าอ่านเเล้วไม่ค่อยเห็นภาพเราก็จะมีวิดีโอเพิ่มเติมของอาหารเเต่ละประเภทเเละถ้าต้องการศึกษาเพิ่มเติมก็จะมีเว็บอื่นที่เกี่ยวข้องไว้ให้เข้าไปดูได้ด้วย   

 👱 เชิญไปชมไดเลยจ้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา 👱


วันเสาร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

ช็อคโกแล็ต(Chocolate)

 ช็อคโกแล็ต(Chocolate)

      หอม ละมุน ละไม สัมผัสได้ตั้งแต่เดินก้าวเข้าไปในโรงงานช็อกโกแลต Maison Cailler เมืองออเบอ ทางตอนเหนือของโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ 

Toblerone

ปี 1908 Theodor Tobler และ Emil Baumann คิดค้น ช๊อคโกแลตบาร์ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นรูปทรงสามเหลี่ยมติดกันเรียงกันเป็นแถว ซึ่งแน่นอนว่าดูเหมือนภูเขาหลายๆลูกเรียงติดกัน เพราะโลโก้ของ Toblerone คือ ภูเขา Matterhorn นั่นเอง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ดังนั้น Toblerone จึงเป็นชอคโกแลตที่ใครเห็นก็จดจำได้ทันที ซึ่งรสชาตินั้นก็เป็นตำนานติดตราตรึงใจทุกเพศทุกวัยแน่นอน

Cailler

ปี 1819Francois-Louis Cailler ได้สรรค์สร้าง chocolate bar ชิ้นแรกด้วยนวัตกรรมของเขาในสมัยนั้นคือการพัฒนาการช็อกโกแลตที่นุ่ม ซึ่งสามารถทำให้เป็นแท่ง เรียกว่าเขาเป็นคนแรกๆเลยที่เดียวที่ทำช๊อคโกแลตให้กลายเป็นบาร์ ในปี 1929 ช๊อคโกแลต Cailler ถูกบริษัทยักษ์ใหญ่เนสท์เล่ Take over ไป


Frey

Frey ถูกคิดค้นในปี 1887 โดย Robert and Max Frey ซึ่ง Frey มีมานานแล้วกว่า 130 ปี!!!! ช๊อคโกแลตหวานกลมกล่อมที่เน้นการผสมถั่วลงไปเพื่อเพิ่มอรรถรสของการขบเคี้ยวในทุกคำ ปัจจุบันช๊อคโกแลต Frey มีหลายรูปแบบให้เลือกตามใจชอบ



Lindt

Lindt ถูกคิดค้นขึ้นในปี 1836 โดยพ่อค้าขายขนมหวาน Sprüngli ในเมือง Zurich ช๊อคโกแลตที่มีลักษณะเฉพาะเป็นก้อนกลมๆ ถูกปั้นพอดีคำ ต่อ ช๊อคโกแลต Lindt ปล่อย Chocolate bar ที่สามารถเลือกประมาณเข้มข้นของช๊อคโกแลตได้ เช่น 70% 85% และ 99% เพื่อเอาใจคนที่อยากทานช๊อคโกแลตแบบเข้มข้ม หรือเรียกว่าขมปี๋เลยทีเดียว


Teuscher

ถูกคิดค้นในปี 1932 โดย Dolf Teuscher ซึ่งมีฐานการผลิตที่เมือง Zurich, Switzerland ลักษณะเด่นคือ ช๊อคโกแลตบอลที่สอดใส้แยมรสต่างๆไว้ให้ได้ลิ้มลองภายในกล่องเดียว ที่สำคัญกล่องช๊อคโกแลตมีความไฮโซโก้เก๋ เหมาะสำหรับซื้อกลับไปเป็นของฝาก

รีวิวจากคนที่เคยไป

ร้าน Laderach นี้ ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1962 ที่เมือง Glarus ซึ่งสมัยก่อนนั้น ทำเป็นธุรกิจครอบครัว เป็นตึกแถวเล็กๆ ต่อมาด้วยชื่อเสียงของความอร่อย จึงขยับขยาย มีโรงงานใหญ่โต ส่งออกไปทั่วประเทศและต่างประเทศปัจจุบัน มีชอปเปิดขายช็อคโกแลตมากมาย 50 สาขาทั่วโลก และในสวิส 23 สาขา เช่น ในเมือง Zurich, Basel, Berm, Geneva, Zermatt, Interlaken, Luzern, St.Gallen. St.Moritz, Solothurn etc. ส่วนที่ต่างประเทศนั้น มีชอปที่เกาหลีใต้ เยอรมัน คูเวตและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์สำหรับสินค้าขึ้นชื่อของ Laderach จะเป็นอะไรไปไม่ได้ นอกจากช็อคโกแลตแผ่นที่ทำออกมาหลากหลายรสชาติใช้วัตถุดิบคุณภาพเยี่ยม แบบไหนใส่เมล็ดภั่วต่างๆ ก็จัดเต็มไม่มีอั้น ไม่ว่าจะเป็นอัลมอนด์ แมคคาเดเมีย เฮเซลนัท ฯลฯเวลาจะซื้อสามารถสั่งโดยคิดราคาตามน้ำหนักที่ต้องการ โดยทางร้านจะหักแบ่งชั่ง ใส่ถุงพลาสติก ตกแต่งสวยงามนอกจากแบบแผ่นๆ แล้วยังมีช็อคโกแลตอีกมากมายหลาบแบบให้เลือกซื้อแบบห่อรวมที่รวมช็อคโกแลตทุกรสชาติไว้ก็มีขาย เหมาะสำหรับเป็นของฝากสุดหรูมากๆชอบแบบไหน ก็จัดกันไปได้ เมืองไทยยังไม่มีขายเน้อ หุหุ



😌 ช็อคโกแล็ต 😌





                                   


                                    


ขนมปังเปีย (zopf)

 ขนมปังเปีย (zopf)

     เป็นขนมปังที่ชาวสวิสนิยมทานกันเป็นอาหารเช้า เดิมทีทานกันเฉพาะในวันอาทิตย์เป็นเมนูพิเศษ ลองคิดภาพสวิตเซอร์แลนด์เมื่อ ๕๐​-๖๐ ปีก่อน ที่คนส่วนใหญ่ทำอาชีพเกษตรและใช้ชีวิตเรียบง่ายในชนบท ผลผลิตหลักๆคือมันฝรั่ง เนื้อ นม และชีส ดังนั้นทุกวันอาหารส่วนใหญ่ก็จะเป็นมันฝรั่งเป็นหลัก ขนมปังก็แบบธรรมดาที่ใช้แป้งดำไม่ขัดขาวเสียส่วนใหญ่ แต่ในวันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันพักผ่อน เป็นวันครอบครัว อาหารที่ทานก็จะพิเศษขึ้นมา แป้งที่ใช้ทำขนมปังก็จะเป็นแป้งสาลีขาว มีส่วนประกอบของนม เนย ครบถ้วนและทำในรูปแบบที่ปราณีตมากขึ้น แต่ในปัจจุบันซุ๊ฟฟ มีขายอยู่ทั่วไปในทุกซุปเปอร์มาร์เกต และเบเกอรรี่ ทานกันเป็นอาหารเช้าทุกๆวันค่ะ ถามว่าทำไมดิฉันอยากทำซุ๊ฟฟทั้งที่ซื้อหาง่าย ก็บอกได้แค่ว่า มันท้าทายและแอบติดใจการทานขนมปังที่ทำเองใหม่ๆ อุ่นๆจากเตา 

สูตร


1.แป้งขนมปัง 500
2.ยีสต์สด Hefe 1/2 ก้อน หรือ 20 กรัม
3.เนย 60 กรัม
4.เกลือ 1 ชช.
5.น้ำตาล 1 ชช.
6.นมสด 250 ml
7.ไข่ 1 ฟอง
8.กล่องทัฟฟาแวร์พร้อมฝาปิด 1 กล่อง


วิธีการทำ 


-เอานมใส่เนยไปอุ่นในไมโครเวฟให้เนยละลายดี แล้วทิ้งไว้ให้เย็น
-เอายีสต์ใส่แก้วผสมน้ำตาล บดให้เข้ากัน เติมนมนิดหน่อยพอคนให้เหลว
-เอาแป้งใส่ในกล่องทัฟฟาแวร์ เติมเกลือ จากนั้นเอานมละลายเนยใส่ลงไป ตามด้วยยีสต์ผสมน้ำตาลแล้ว
-จากนั้นเอาไข่มาตอกตีให้แตกด้วยช้อน จากเทลงไปในแป้ง ให้เหลือไข่ติดกันแถ้วนิดหน่อยนะค้า ไว้ทาหน้าก่อนอบขนมปัง
-เอาไม้พายคนให้เข้ากัน ถ้าแป้งเหลวเอาแป้งโรยได้ค้าดูพอเนื้อแป้งพอเข้ากัน เอาฝามาปิด ใช้มือกดกล่องหมุนไปตามโต๊ะ แทนเครื่องนวดแป้ง หมุนไปสัก5 รอบ จับกล่องมากระดกให้แป้งกลับตัวให้กล่อง สัก 3 ครั้ง
-ทำแบบนี้สัก 5 นาที เอาแป้งออกมาจากกล่องมานวดด้วยมือ
-โรยแป้งบนโต๊ะ เอามือขยำนวดไปมาสัก 10 นาทีค่ะ นวดไป ก้อยกแป้งฟาดไปกับโต๊ะ ถ้าแป้งติดมือเอาแป้งมาโรยได้ค่ะ นวดครบ 10 นาที เอามีดมากรีดเนื้อแป้งดูด้านในเป็นฟองอากาศก้อใช้ได้ เอาก้อนแป้ง-ใส่กล่องแล้วปิดฝา 1 ชม. มันจะขึ้นฟูมาจนติดฝากล่องทัฟฟาแวร์เลยค้า
-ที่พักให้มาดูที่ฝาว่ามันเปิดขึ้นมาไหม ถ้าเปิดก้อปิดฝาลงไปใหม่ ยีสต์ทำงานเลยมีอากาศดันฝาขึ้นมาครบ 1 ชม เอามือแซะแป้งจากขอบกล่องเพื่อไล่อากาศ เอาแป้งออกมานวดอีกครั้ง ประมาณ3 นาที ตัดแป้งเป็น 2 ส่วน หรือ 4 ส่วน ถ้าชอบก้อนเล็กหน่อย
-ตามรูปนี้แบ่งเป็น 4 ส่วน เอามาคลึงเป็นเส้นเพื่อนำมาเปียกัน
-พอได้ 2 เส้นเอามาทบกันแล้วก้อไขว้บนทับล่าง ซ้ายทับขวาไปจนหมดเส้น พักไว้บนถาดไม่ต้องเอาอะไรมาคลุมนะค้า พักไว้ 30 นาที

                   

              😺 ขนมปังเปีย 😺


                


                                         


                                         

ทาร์ทีแฟลตต์ (Tartiflette)

ทาร์ทีแฟลตต์ (Tartiflette)

ทาร์ทีแฟลตต์เป็นเมนูที่ได้รับอิทธิพลมาจากประเทศฝรั่งเศส นิยมรับประทานมากในบริเวณพรมแดนสวิตเซอร์แลนด์ที่ติดกับประเทศฝรั่งเศส ทาร์ทีแฟลตต์ทำจากมันฝรั่งที่ฝานเป็นแผ่นบางๆนำมาวางในกรทะร้อน โปะหน้าด้วยเบค่อนทอดกรอบ หัวหอมที่นำมาผัดจนได้รสหวาน และซอสเข้มข้นที่ทำจากชีสเรอโบลโคโฮน (Reblocohon) ซึ่งเป็นชีสที่ได้รับความนิยมและได้เฉพาะในบริเวณที่ติดกับประเทศฝรั่งเศส ทาร์ทีแฟลตต์เป็นอาหารจานหลักที่พบได้ทั่วไปในบริเวณที่เปิดให้เล่นสกีเนื่องจากเป็นอาหารที่อบอุ่นร่างกายได้ดีอีกจานหนึ่งเลยล่ะค่ะ

ส่วนผสม

  • 1-3 / 4 ปอนด์ยูคอนทอง มันฝรั่ง (5 หรือ 6 คนขนาดกลางทุกขนาดเดียวกัน) หรือมันฝรั่งต้มเดือด (Cara ยังทำงาน)
  • 5 หรือ 6 ออนซ์แผ่น เบคอน หรือ หมูเกลือ ตัดเป็น lardons ประมาณ 1 "x 1/4" โดย 1/4 "
  • 2 ช้อนโต๊ะ เนย
  • หัวหอม ขนาดกลาง 1 อัน (ประมาณ 6 ออนซ์ปอกเปลือก) สับละเอียด
  • ไวน์ขาว แห้ง 1/4 ถ้วยแห้งหรือ เวอร์มุตต์ แห้ง
  • 6 ช้อนโต๊ะ ครีม หนัก (1/4 ถ้วยบวก 2 ช้อนโต๊ะ)
  • เกลือ และ พริกไทย เพื่อลิ้มรสอาจเป็นเกลือช้อนชาอย่างน้อย 1/2 ช้อนชาอาจมากขึ้น
  • 1/2 ของ ชีส reblochon 1 ปอนด์

วิธีการทำ

  • ใช้มันฝรั่งที่มีขนาดเท่ากันทั้งหมดเพื่อให้พวกเขาปรุงอาหารอย่างสม่ำเสมอ ต้มไว้ในผิวหนังประมาณ 20 นาทีจนกว่าจะเริ่มอ่อน อย่าต้มมากเกินไป! ล้างด้วยน้ำเย็นเพื่อหยุดการทำอาหาร
  • ขณะที่ยังอุ่นให้ลอกมันฝรั่งด้วยนิ้วมือจากนั้นใช้มีดขนาดใหญ่และมีคมเพื่อตัดเป็นชิ้นประมาณ 1/3-inch หนา จากนั้นตัดชิ้นเป็นก้อนหยาบ
  • ในขณะที่มันฝรั่งกำลังหุงต้มเบคอนแผ่นหรือหมูเกลือลงในชิ้นประมาณ 1/4-inch หนา แล้วตัดเป็น lardons ประมาณ 1/4-inch ข้าม
  • ละลายเนยในกระทะขนาดใหญ่แล้วปรุงอาหาร lardons เหนือความร้อนสูงปานกลางจนกรอบและสีน้ำตาลทอง ลบด้วยช้อน slotted และการกันไว้ทิ้งไขมันเบคอนในกระทะ
  • เปิดเตาอบที่ 350 ° F
  • ปรุงอาหารหัวหอมในไขมันเบคอนผ่านความร้อนปานกลางกวนบ่อยจนเหี่ยวและสีทองเล็กน้อย ท่อระบายน้ำในเครื่องกรองให้กดด้วยช้อนเพื่อขจัดไขมันให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้และทิ้งไว้ที่นั่น
  • เทไขมันลงในกระทะนำเบคอนและหัวหอมใส่ไวน์ ปรุงอาหารผ่านความร้อนสูงจนไวน์เกือบจะระเหย
  • เพิ่มมันฝรั่งหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าและปรุงอาหารสำหรับนาทีหรือดังนั้นการกวนอย่างต่อเนื่องจนกว่าส่วนผสมทั้งหมดจะดีผสมเข้าด้วยกัน
  • เพิ่มครีมและเกลือและพริกไทยเพื่อลิ้มรส ลองใช้เกลือน้อยกว่าที่คุณคิดว่าเป็นสิ่งจำเป็นอย่างน้อย 1/2 ช้อนชา ผัดส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกันเป็นเวลา 1 นาที
  • ทาเนยด้านในของจาน 10 หรือ 11 นิ้วทำด้วยเครื่องเคลือบดินเผา เพิ่มส่วนผสมมันฝรั่งและเรียบพื้นผิว
  • ตัด Reblochon ลงสองข้างบนเพื่อให้คุณมีสองชิ้นในรูปของดวงจันทร์ครึ่งดวง วางชิ้นส่วนไว้เพื่อใช้งานอื่น ใช้มีดคมเพื่อให้คะแนนเปลือกของชีสครึ่งที่เหลืออยู่ทุกนิ้วรวมทั้งด้านข้าง จากนั้นค่อยตัดชิ้นงานตามแนวนอนออกจากกึ่งกลางเพื่อให้ตอนนี้มีชิ้นส่วนครึ่งดวงจันทร์สองชิ้น
  • วางชีส 2 ฟองไว้ด้านบนของมันฝรั่งเพื่อให้เป็นชีสกลมอีกครั้ง ปิดฝาครอบด้วยฟอยล์อลูมิเนียมและอบเข้าที่กลางเตาอบประมาณ 1 ชั่วโมง
  • นำฟอยด์ออกแล้วใส่ชีสรวมทั้งเปลือกลงในมันฝรั่งให้เข้ากัน
  • วางไว้ด้านล่าง 5 หรือ 6 นิ้วใต้ไก่และปรุงอาหารจนเป็นสีน้ำตาลทองด้านบน

             
       😝 ทาร์ทีแฟลตต์ 😝

              

                                    


                                     



ปาเปต์ โวดัวส์ หรือ ต้นหอมและมันฝรั่งเสิร์ฟคู่กับไส้กรอก (Papet Vaudois)

 ต้นหอมและมันฝรั่งเสิร์ฟคู่กับไส้กรอก (Papet Vaudois)         

   ปาเปต์ โวดัวส์นั้นคือการนำต้นหอมและมันฝรั่งมาบดหยาบๆรวมกันแล้วนำไปตุ๋นเสิร์ฟคู่กับไส้กรอก อาหารจานนี้เป็นที่นิยมเป็นอย่างมากในเขตแคว้นโวด์ (Vaud) ที่มีการผลิตไส้กรอกโวดัวส์หรือไส้กรอกของแคว้นโวด์โดยเฉพาะ ไส้กรอกโวด์มีลักษณะอ้วน มีไขมันจำนวนมากและมีสีแดงสด แม้ว่าปาเปต์ โวดัวส์จะเป็นอาหารสวิสที่แพร่หลาย แต่จะให้ดีที่สุดก็ควรไปชิมของแท้ดั้งเดิมที่แคว้นโวด์เท่านั้น


วิธีการ


-ปรุงหอมกับเนยในกระทะขนาดใหญ่ภายใต้ความร้อนสูงปานกลางจนนุ่มไม่น้ำตาล
-เพิ่มกระเทียมและมันฝรั่ง ปรุงรสด้วยเกลือพริกไทยและลูกจันทน์เทศ
-เพิ่มไวน์และเนื้อหุ้นปิดและเคี่ยวเป็นเวลา 25 นาทีจนสุกมันฝรั่งเล็กน้อย
-ในขณะที่เตรียมไส้กรอกก่อนในหม้อที่มีน้ำเพียงพอเพื่อให้ครอบคลุมไส้กรอก ปรุงจนไส้กรอกเป็นสองในสามทำระหว่าง 15 ถึง 30 นาทีขึ้นอยู่กับขนาดของไส้กรอก
-กรองส่วนผสมกระเทียม / มันฝรั่งและเคี่ยวอีก 5 นาที อย่าระบายน้ำอย่างสมบูรณ์หากคุณต้องการเก็บรสชาติไวน์ไว้บ้าง
-ใส่ครีมลงในมันฝรั่งและกระเทียม

-วางไส้กรอกก่อนลวกที่ด้านบน
-ปิดและเคี่ยวอีก 3-4 นาที
-โรยหน้าด้วยผักชีฝรั่งสับและเสริฟ



ส่วนผสม


-500 กรัม / 1 ปอนด์ 2 ออนซ์กระเทียม
-1 หอมสับ
-1 ช้อนโต๊ะ น้ำมัน
-เกลือและพริกไทย
-6 ช้อนโต๊ะ ไวน์ขาว-มันฝรั่งขนาดใหญ่ 
-ไส้กรอก Vaud saucission vaudois-ประมาณ 300 กรัม
-ครีม 3-4 ช้อนโต๊ะ


                                   
             

           😅 ต้นหอมและมันฝรั่งเสิร์ฟคู่กับไส้กรอก 😅


              


                                         


                                         





โรสตี หรือมันฝรั่งฝอยทอด (Rösti)

โรสตีหรือมันฝรั่งฝอยทอด (Rösti)

         มันฝรั่งจะถูกนำมาฝานเป็นเส้นบางๆและนำไปทอดเป็นแผ่นในกระทะจนเป็นสีเหลืองทองและกรอบทั่วทั้งแผ่น แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดว่าโรสตีมีแหล่งที่มาจากที่ใด แต่โรสตีก็เป็นอาหารที่พบได้ในทุกแคว้นของสวิตเซอร์แลนด์โดยเกษตรกรชาวสวิสนิยมรับประทานเป็นอาหารเช้า ในแต่ละแคว้นนิยมทานโรสตีในรูปแบบแตกต่างกัน แต่แบบที่เป็นที่นิยมมากที่สุดคือแบบวาเลซานน์ (Valaissanne) หรือแบบแคว้นวาเล่ส์ ที่จะโปะหน้าโรสตีด้วยเบค่อนทอดกรอบ ไข่ดาว และชีสราแคล็ตต์ (Raclatte)ที่ละลายจนเยิ้ม 

วิธีทำ 

1. ต้มมันฝรั่งทั้งเปลือกให้สุก แต่อย่าเละมาก
2. ทิ้งไว้ให้เย็นแล้วเอาเข้าตู้เย็น ทิ้งไว้ข้ามคืนเลยก็ได้ ของเราไม่ได้เอาเข้าตู้เย็นค่ะ ทำเลย ผลลัพธ์เลยออกมาไม่ค่อยดี
3. นำมันฝรั่งมาขูดเป็นเส้น ๆ เนื่องจากเราไม่ได้เอาเข้าตู้เย็นไว้ เวลาขูดมันเลยออกมาเละ ไม่ค่อยเป็นเส้นๆ
4. เอาเนยลงกะทะ (เอาใบเล็ก ๆ พอนะคะ) แล้วเอามันฝรั่งลงไปให้เต็มกะทะ เกลี่ยให้เท่า ๆ กัน โรยเกลือ พริกไทยลงไป
5. รอให้เหลืองทองดีแล้ว เอาจานขนาดเล็กกว่ากะทะนิดหน่อย คว่ำลงไป แล้วพลิกกะทะโดยให้ Rosti ลงไปอยู่ในจาน


   รีวิว 

แล้วก็เอาไปทอดกับน้ำมันมะกอกให้ข้างนอกกรอบ แต่ข้างในยังนุ่มเมนู Gratin Dauphinois และ Rosti นี้แถวนี้มีขายสำเร็จอยู่ ตามอาหารแช่แข็งRosti มีทั้งแบบเอามาทอดและเอามาอบแต่เคยซื้อมากินแล้วไม่อร่อย ทำเองอร่อยกว่าฮ่ะๆ ก็สูตรเรานี่นะ (ไหนจะถูกกว่าตามนโยบายงกๆ)มันฝรั่งพวกนี้ กินกับอาหารเหมือนเมนูมันบดเพราะเป็นคนขี้เบื่อ เลยชอบเอามันฝรั่งมาทำหลายแบบกินแต่มันบด หน้าก็ซีดเละเป็นแป้งกวนหมดสิ





           

    😚 มันฝรั่งทอด 😚


                                         


                                         


                                         

เบอร์เชมูสลี่ (Bircherműesli)


เบอร์เชมูสลี่ (Bircherműesli)

          มูสลี่เป็นอาหารเช้าที่ทั่วโลกคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีในปัจจุบัน แต่รู้หรือไม่ว่าเพิ่งถูกสร้างสรรค์ขึ้นเมื่อทศวรรษปี 1900 นี่เองโดยแพทย์ชาวสวิส ผู้เชี่ยวชาญทางโภชนาการซึ่งมีความเชื่อว่าธัญพืช ผลไม้ และผัก มีประโยชน์ต่อมนุษย์มากกว่าเนื้อสัตว์ เขาจึงนำเกล็ดข้าวโอ๊ตมาผสมกับผลไม้ ถั่วนัตส์ น้ำมะนาว และนม มาเสิร์ฟเป็นอาหารให้คนไข้รับประทาน และกลายเป็นอาหารยอดนิยมของคนทั่วไปในที่สุด
ประโยชน์จากการรับประทาน 
     การรับประทานมูสลี่ สาวๆ เรามักนิยมรับประทานเป็นอาหารเช้า เนื่องจากเป็นอาหารที่ให้คุณประโยชน์หลายด้าน เพราะได้ส่วนผสมจากธรรมชาติเสียส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นผลไม้ต่างๆ อีกทั้งยังผ่านการปรุงแต่งน้อย ไม่ปรุงรสหวานจึงเป็นอาหารที่ให้น้ำตาลและแคลอรีน้อยกว่าซีเรียล นอกจากนั้น ยังให้ไฟเบอร์สูงมาก ถั่วเปลือกแข็งให้โปรตีนและโอเมก้า 3 อิ่มได้นานกว่าและยังช่วยให้ทานแล้วเกิดความรู้สึกหนักท้องอีกด้วย จึงเป็นเมนูสุขภาพที่สามารถช่วยควบคุมน้ำหนักได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ยังมีการพบว่า มันสามารถลดโอกาสเกิดโรคมะเร็งและโรคชรา และกระตุ้นให้การทำงานในระบบขับถ่ายเป็นไปได้ดีขึ้นอีกด้วยค่ะ


มูสลี่ผลไม้โยเกิร์ต ส่วนประกอบสำหรับ 2 ที่
ข้าวโอ๊ต 1 ถ้วยตวง    
ถั่วและงาตามใจชอบ 1/2 ถ้วยตวง
ผลไม้แห้งตามใจชอบ
- โยเกิร์ตรสใดก็ได้ 1 ถ้วย
ผลไม้ตามฤดูกาล หั่นเต๋า 1 ถ้วยตวง
น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 1 ช้อนชา
วิธีทำ
ล้างทำความสะอาดผลไม้ เช่น มะละกอสุก มะม่วงสุก กล้วยหอมและแตงโมแล้วนำมาหั่นเต๋าพักไว้  นำข้าวโอ๊ตใส่ภาชนะที่เตรียมไว้ ตามด้วยผลไม้แล้วนำโยเกิร์ตราดใส่ลงไปตามด้วยน้ำมะนาว นำไปแช่เย็นไว้สัก 30 นาที แล้วนำออกมาโรยด้วยถั่วและงา จากนั้นตามด้วยการราดน้ำผึ้ง เพียงเท่านี้ก็สามารถรับประทานเพื่อลิ้มรสความอร่อยกันได้เลย



😎 เบอร์เชมูสลี่ 😎






Birchermuesli I

Birchermuesli II

Birchermuesli III

โพเลนตาและเนื้อตุ๋น ( Polenta and braised beef)

โพเลนตาและเนื้อตุ๋น (Polenta and braised beef) 

   
      โพเลนตานั้นเป็นอาหารอิตาเลียนที่ทำจากเมล็ดข้าวโพดนำมาบดเป็นผงมีลักษณคล้ายแป้งแต่เนื้อจะหยาบกว่ามาก โพเลนตานับเป็นอาหารประเภทธัญพืชที่นำมาปรุงให้สุกโดยการต้มและคลุกกับเนยเพื่อให้ได้รสชาติที่ดีขึ้น ในเขตประเทศสวิตเซอร์แลนด์ที่บริเวณติดกับประเทศอิตาลีก็นิยมบริโภคโพเลนตาเช่นด้วยกันโดยนิยมเสิร์ฟคู่กับเนื้อตุ๋น
รีวิวจากคนที่เคยไป
   Crispy Polenta, Mushroom, Wild Rocket Blue Cheese Sauce, Granted Parmersan หน้าตาไม่น่าทาน ก่อเป็นปิรามิดราดด้วยซอสเห็ดครีม แต่ขอบอกว่าการนำเสนอเมนูนี้เป็นรสชาติที่ชอบอร่อยเลยค่ะ มีการปั้น Polenta ทำเป็นแท่งเหลี่ยมแล้วนำไปทอดจนกรอบ ข้างในสุกอร่อยไม่อมน้ำมันเลย ตัวซอสเห็ดครีมซีสที่เข้ากันได้ดี แอบสงสัยว่า Polenta คืออะไร คุณนัทบอกว่าคือข้าวโพดมาบดผสมกับซีสและเนย แฮ่ะ ๆ ตอนแรกคิดว่าเป็นมันบด แต่มันคือข้าวโพด แปลกค่ะ เพิ่งเคยทานครั้งแรกก็ชอบเลย

วิธีการทำ

เนื้อ: อุ่นน้ำมันในกระทะน้ำตาลเนื้อใน batches ประมาณ 3 นาทีนำออก ทอดเบคอนหอมและกระเทียมลงในกระทะเดียวกันประมาณ 2 นาทีนำเนื้อหมูไปผัดผงปรุงรสแป้ง ผัดในน้ำซุปข้นมะเขือเทศ เพิ่มไวน์และลดความสมบูรณ์เพิ่มไวน์และมะเขือเทศนำไปต้ม ลดความร้อนเพิ่มความชุ่มชื่นของสมุนไพรปิดฝาและถ่างประมาณ 1 ชั่วโมง. เอาสมุนไพรออกตามฤดูกาล

โพเลนต้า: นำน้ำไปต้มกับเนยฤดู ผัดในข้าวโพดหวานลดความร้อนปิดและปรุงอาหารประมาณ 40 นาที ผ่านความร้อนต่ำมากตื่นเต้นเป็นครั้งคราวเพื่อสร้างการวางหนา





                     

                  😹 โพเลนตาเเละเนื้อตุ๋น 😹


                    


                                         


                                          

เนื้อลูกวัวย่าง (Geschnetzeltes)

เนื้อลูกวัวย่าง (Geschnetzeltes)

          เมนู Geschnetzeltes เป็นอาหารที่นิยมเสิร์ฟคู่กับ Rosti วางไว้คู่กันเป็นอาหารจานแรกของมื้อนั้นๆ โดย Geschnetzeltes จะใช้เนื้อลูกวัว ซึ่งจะให้ความนุ่มละมุน และหอมกว่าเนื้อวัวหนุ่มหรือวัวแก่ มาหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ จากนั้นนำเนื้อลงไปเคี่ยวในครีมสูตรพิเศษ ซึ่งในส่วนของครีมข้น จะมีส่วนผสมแตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ เคี่ยวจนน้ำครีมเริ่มลดลงจนเหนียวข้น และสัมผัสของเนื้อลูกวัวนุ่มขึ้น แสดงว่าเนื้อสามารถรับประทานได้ง่ายแล้ว จึงยกขึ้นเสิร์ฟเคียงคู่ในจานเดียวกับ Rosti แล้วราดครีมข้นลงไปอีกเล็กน้อย ให้ความหอมกรุ่นน่ารับประทาน และรสชาติจะดียิ่งขึ้น เมื่อรับประทานร่วมกับไวน์องุ่นรสเยี่ยม

ส่วนผสมสำหรับ 4 ท่าน:

  • 300 กรัม (0.66 ปอนด์) เห็ดสดหั่นเป็นชิ้น
  • น้ำมะนาว½
  • เครื่องเทศ
  • 600 กรัม (1.3 ปอนด์) เนื้อลูกวัวหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ
  • เนยเทียม 2 ช้อนโต๊ะ
  • หอมใหญ่ตัดเป็นชิ้นเล็ก ๆ
  • ไวน์ขาว 1 ลิตร (3.4 ออนซ์)
  • 1 ถึง 2 dl (3.4 ถึง 6.8 ออนซ์) น้ำ
  • 1.5 ถึง 2 dl (5 ถึง 6.8 ออนซ์ออนซ์) ครีม
  • น้ำเกรวี่ผง
  • ปาปริก้า
  • เกลือ 1 ช้อนชา
  • บดพริกไทย

เตรียม:

  1. ปรุงเห็ดพร้อมกับน้ำมะนาวในหม้อขนาดเล็กปกคลุม ร้อนขึ้นช้าปรุงเป็นเวลา 2 นาที
  2. เทของเหลวลงในถ้วย เพิ่มเครื่องเทศบางอย่างเพื่อเห็ดให้อบอุ่น
  3. ละลายเนยเทียมในกระทะ
  4. เพิ่มหัวหอม, สตูว์ เพิ่มความร้อนเพิ่มเนื้อเพิ่มน้ำและย่างเบา ๆ หมุนเนื้อเป็นครั้งคราวเพื่อให้แน่ใจว่าได้รับการคั่วอย่างสม่ำเสมอ
  5. เอาเนื้อออก
  6. เพิ่มไวน์ขาวให้ปรุงจนของเหลว thickens
  7. เพิ่มของเหลวจาก 2. พร้อมกับน้ำเกรวี่บางส่วนปรุงจนสุก
  8. เพิ่มครีมและเพิ่มความร้อนเล็กน้อย
  9. เพิ่มพริกหยวกและเครื่องเทศบางอย่าง
  10. เทเกลือพริกไทยและพริกหยวก½ช้อนชาลงบนเนื้อ ใส่เนื้อในซอสเพิ่มความร้อน แต่ไม่ปรุงอาหาร
  11. เพิ่มเห็ด

หมายเหตุ:

  • "Zürich Geschnetzeltes" มักจะเสิร์ฟพร้อมกับ "Rösti" (กัญชาน้ำตาล) แต่ข้าวหรือพาสต้าก็ดีเช่นกัน
  • ในร้านอาหารถ้าเมนูนี้ถูกประกาศว่าเป็น "Zürich Geschnetzeltes" ต้องทำจากเนื้อลูกวัว แต่คุณสามารถใช้เนื้อหมูหรือไก่ได้หากต้องการ
  • ถ้าคุณชอบไตคุณอาจต้องการแทนที่ครึ่งหนึ่งของเนื้อลูกวัวด้วย

                 


                   😍 เนื้อลูกวัวย่าง 😍


                  


                                          


                                          

Geschnetzeltes I

Geschnetzeltes II

Geschnetzeltes III




วันศุกร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

ราแคลตต์ (Raclette)


ราแคลตต์ (Raclette)

     ราแคลตต์เป็นชนิดของชีสสวิสที่ผลิตในแคว้นวาเล่ส์ (Valais) ชีสทั้งวงจะถูกนำมารนไฟให้ผิวหน้าละลาย เมื่อชีสละลายแล้วก็จะถูกปาดลงไปใส่บนหน้ามันฝรั่ง หัวหอม แตงกวาดอง และขนมปัง บางครั้งอาจตามด้วยเบค่อนทอดวางไว้บนชั้นบนสุด ในแบบดั้งเดิมชาวสวิสนิยมรนไฟชีสราแคลตต์ด้วยไม้ที่มีกลิ่นหอม แต่ในปัจจุบันมีเตาร้อนสำหรับละลายชีสราแคลตต์เพื่อใช้ในครัวเรือนซึ่งได้รับความนิยมเป็นที่แพร่หลายในหมู่ชาวสวิสทั่วๆไป

       รีวิวจากคนที่เคยไป

  ได้ยินชื่ออาหารสวิสมาก็นาน ฟองดู (Fondue)เอย Raclette เอย แต่ไม่เคยได้ไปกินร้านต้นตำรับอาหารสวิสสักที คราวนี้ได้ฤกษ์ดี ไปลิ้มลองอาหารสวิสแท้ๆกับเค้าบ้าง ที่ร้าน'Chesa'สุขุมวิท 20 บรรยากาศร้านอบอุ่น ไม่ใหญ่มากนักมองด้านนอกเหมือนบ้านขอนไม้บนเขาประเทศสวิสเซอแลนด์อะไรทำนองนั้น ไปทานวันอาทิตย์ทางร้านมีรายการ Brunch อาหารมีให้เลือกมากกว่า20 เมนู ขนมหวานอีกไม่ต่ำกว่า5รายการ Brunch ที่นี่เป็นแบบ a la carte สั่งได้ตามเมนู เลยทำให้สนุกกับการสั่งมากๆเพราะคอยลุ้นว่าเมนูที่สั่งหน้าตาจะเป็นอย่างไร รสชาดจะออกมาแบบไหน ลุ้นมากสำหรับการทานอาหารสัญชาตินี้ เพราะเป็นครั้งแรก จานเด่นๆที่ชอบคือ Raclette ชีส, เป็นเนยแข็งที่ต้องย่างให้หลอมละลายบนเตาเฉพาะเนยชนิดนี้ รับประทานกับแตงดอง หอมดอง และมันฝรั่งต้มทั้งเปลือก เข้มข้น หอม อร่อย ติดตรงความเค็มของชีส ทำให้ต้องคั้นรายการด้วยอาหารจานอื่น จานต่อมาที่ปลื้มคือ Seared Pacific Scallop on Pilaf Wild Rice หอยเซลตัวโต ย่างมานุ่มชุ่ม ทานกับข้าวไพราฟหนึบๆ อร่อยมากๆๆจัดไปอย่างน้อยสามจาน :p อีกจานที่ติดใจถึงขั้นลงทุนบุกไปถามเคล็ดลับเชฟเลยคือ Lamp Chop ย่างมาเนื้อนุ่มชุ่มมากๆไม่แห้ง หอมสมุนไพร สั่งกี่ชิ้นก็ย่างมาสุกพอดีทุกครั้ง ลองเมนูสวิสไปหลายจานเมนู บางเมนูก็คุ้นเคย เช่นพวก Grill ,Lamp Chop ,ใส้กรอกต่างๆ ,ซีฟู้ด , Salad , เมนูที่สวิสแท้ๆเลย ก้อจะมี Capuns ,Swiss Sausage บริการดีมากๆแนะนำเมนูอาหาร ถามอะไร สั่งอะไรไม่ต้องรอนาน ราคาอาจจะสูงสักหน่อยสำหรับ Sunday Brunch หัวละ 1,250++ ไม่รวมเครื่องดื่มนะคะ แต่เทียบกับวัถุดิบและการปรุงถือว่าดีมากๆ 

      
                   

                  ❤ ราเเคลตต์ ❤


                                             


                                             


                                             


วันพฤหัสบดีที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

ชีส ฟองดู (Cheese fondue)

 ชีส ฟองดู (Cheese fondue)  

   เมนูประจำชาติของชาวสวิตเซอร์แลนด์และฝรั่งเศส เป็นอาหารที่นิยมรับประทานกันในฤดูหนาวเพื่อสร้างความอบอุ่นให้แก่ร่างกายโดยมีเพียงแค่ไวน์ขาวกับขนมปังก้อนเล็กที่จุ่มลงในหม้อชีสร้อนๆ ซึ่งมาจากการผสมด้วยชีสสวิสสามชนิดคือชีสกรูว์แยร์ ซีสอัพเพนเซลเลอร์ และชีสเอมเมนทัลแต่เนื่องจากชีสละลายยากจึงมีการเคี้ยวพร้อมกับไวน์ขาวเสมอและตกแต่งกลิ่นกับรสชาติด้วยเหล้าเชอร์รี่เล็กน้อยพอประมาณ
 ขอเชิญมาสัมผัสรสชาติดั้งเดิมของชีสฟองดูว์ ภายใต้บรรยากาศชนบทประหนึ่งได้พักผ่อนท่ามกลางหุบเขาสูงใหญ่ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ที่ Rössli Swiss Restaurant ห้องอาหารสวิตของ วีโว่ เบเน วิลเลจ ความพิเศษของชีสฟองดูว์ของสถานที่แห่งนี้ ไม่เพียงแต่นำสูตรต้นตำรับมาให้ลิ้มลองเท่านั้น แต่แป้งขนมปังสำหรับจุ่มชีสยังเป็นแป้งโฮมเมดที่มีสองสี สองรสชาติ ทำจากแป้งซาวโดว์สีขาว รสเปรี้ยว และแป้งซิลเวอร์สีน้ำตาล รสหวาน ขณะรับประทานจะมีพนักงานค่อยแนะนำไวน์ชนิดต่างๆ ที่เหมาะแก่การดื่มคู่กับเมนูชีสฟองดูว์ไปพร้อมกัน และความลับของชาวสวิส คือ หากใครได้ทานฟองดูก้นหมอที่มีชีสแข็งนั้นจะดีราคาโปรโมชั่นชีสฟองดูว์ตลอดช่วงหน้าหนาวนี้ ชุดเล็กสำหรับรับประทาน 2 ท่านอยู่ที่ราคาสุทธิ 1,200 บาท และชุดใหญ่สำหรับรับประทาน 4 ท่าน อยู่ที่ราคาสุทธิ 2,000 บาท (ราคาสุทธินี้ไม่รวมค่าเครื่องดื่มในรายการ)

        ส่วนผสมในการทำฟองดู

→ มอสซาเรลล่าชีส 2 ถ้วย
→ นมสด 2 ถ้วย
→ แป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ
→ พริกไทย 1 ช้อนชา
→ เกลือ 1 ช้อนชา

         วิธีทำ

1. อุ่นนมสดให้ร้อนด้วยไมโครเวฟ เปิดไฟแรงสุด ตั้งเวลา 10 วินาที
2. ผสมแป้งข้าวโพดลงให้นมสด คนให้ละลายแล้วพักไว้ค่ะ
3. เทมอสซาเรลล่าลงในชามทนความร้อน แล้วค่อยๆ เทนมสดลงไป ใช้ตะกร้อมือคนเรื่อยๆ จนกว่าชีสจะละลายเป็นเนื้อเนียน
4. ใส่พริกไทย 1 ช้อนชา แล้วคนผสมไปเรื่อยๆ ค่ะ ส่วนเกลือหากคิดว่าชีสที่เรานำมาใช้มีรสชาติที่อร่อยอยู่แล้วก็ไม่จำเป็นต้องเติมเกลือก็ได้


               🔰 ชีส ฟอง ดู 🔰